ไม่อยากเป็นสิว รู้จักสาเหตุและวิธีการรักษาสิวกันเถอะ
การรู้ถึงสาเหตุและวิธีการรักษาสิวถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะพิชิตสิวให้หายขาดได้ สำหรับคนที่เป็นสิวนั้นย่อมเคยผ่านการลองผิดลองถูกมาบ้างไม่น้อยซึ่งในกรณีที่สิวไม่รุนแรงหรือมีปริมาณน้อยก็อาจจะสามารถรักษาให้หายเองได้ แต่ถ้าสิวที่ขึ้นนั้นมีปริมาณมากและมีความรุนแรง เช่น สิวอักเสบมาก สิวกลัดเป็นหนองขนาดใหญ่ กรณีนี้นอกจากจะรักษาด้วยตนเองไม่หายขาดแล้วยังอาจทำให้สิวรุนแรงมากกว่าเดิมจนทำให้เป็นปัญหาใหญ่ตามมาคือเป็นหลุมสิวจำนวนมากได้
ดังนั้นการรักษาสิวที่ดีจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจถึงต้นกำเนิดของตัวสิวเองว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร การเปลี่ยนแปลงจากสิวไม่อักเสบเป็นสิวอักเสบรวมถึงการทำให้เกิดหลุมสิว ในบทความนี้เราจะลงรายละเอียดในประเด็นสาเหตุและการรักษาสิวค่ะ
สำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้เรื่องหลุมสิวเป็นหลัก แนะนำให้กดเข้าไปอ่านในบทความนี้ก่อนค่ะ >>> หลุมสิว
สารบัญ คลิกอ่าน
ต้องการรักษาสิวครบวงจร
เรียนรู้คอร์สรักษาสิว Acne clear Max
สิวคืออะไร?
- โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากการอุดตันของไขมันหรือ sebumในรูขุมขน
- เกิดเป็นหัวสิวหรือ comedones หากมีตัวกระตุ้นอาจเกิดการอักเสบ (ปวด, บวม, แดง, ร้อน, เป็นหนอง)
- ถ้าเกิดการอักเสบ จะส่งผลข้างเคียงเช่น รอยแดง รอยดำ หลุมสิว แผลเป็นตามมาได้
พบสิวที่บริเวณใด?
มักพบบริเวณผิวที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่กันอย่างหนาแน่นเช่นใบหน้า คอ หน้าอก แผ่นหลัง
กลไกการเกิดสิวเกิดได้อย่างไร?
กลไกการเกิดสิวเกิดจากสาเหตุหลัก 3 ประการ
- ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น (Seborrhea) เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้นและผลิตไขมันออกมามากขึ้นถึง 500% ต่อมไขมันจะมีท่อเชื่อมเข้าไปในรูขุมขน ไขมันจะออกมาทางรูเปิดของรูขุมขน หากมีการขับหรือระบายของไขมันไม่ทัน ก็จะเกิดการสะสมและค้างของไขมันในรูขุมขน (อ่านต่อใน หน้ามันเกิดจากอะไร รักษาอย่างไร?)
- ภาวะขี้ไคลบริเวณรูขุมขนหนาตัวขึ้นผิดปกติ (Hyperkeratosis) สาเหตุเกิดจากไขมันที่ผลิตออกมากระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังบริเวณรูเปิดรูขุมขนสร้างขี้ไคลมากกว่าปกติ
- เชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes เพิ่มจำนวนมากขึ้น (Microbial colonization) เมื่อเกิดการอุดตันของรูขุมขนจะเกิดภาวะที่ไร้ออกซิเจนในรูขุมขน ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้เชื้อเพิ่มจำนวนได้ดีเนื่องจาก Cutibacterium acnes เป็นแบคทีเรียที่ไม่ต้องการออกซิเจนหรือ anaerobes แบคทีเรียตัวนี้จะปล่อยเอนไซม์ออกมาย่อยสลายไขมัน เพิ่มปริมาณสารกระตุ้นอักเสบ ส่งผลให้มีการอักเสบตามมา
ต้องการรักษาสิวครบวงจร
เรียนรู้คอร์สรักษาสิว Acne clear Max
สิวมีกี่ชนิด?
สิวสามารถแบ่งหลักๆได้ 2 ชนิด คือ
- สิวไม่อักเสบ (non-inflammatory acne) สิวชนิดนี้จะไม่มีการปวด บวม แดง ร้อน เป็นหนองได้แก่สิวหัวขาว (สิวหัวปิด) และสิวหัวดำ (สิวหัวเปิด)
- สิวอักเสบ (inflammatory acne) มีลักษณะคือปวด บวม แดง ร้อนหรือเป็นหนองได้ โดยปกติสิวชนิดนี้มักทำเกิดผลข้างเคียงตามมาได้แก่รอยแดง รอยดำและหลุมสิว
อะไรเป็นสาเหตุการเกิดสิว?
อาจแบ่งง่ายๆ เป็น 2 ปัจจัย คือ
-
ปัจจัยภายใน คือปัจจัยจากภายในร่างกายเราเอง
- กรรมพันธุ์ ถ้าพ่อหรือแม่มีปัญหาสิวรุนแรง ลูกเมื่อเข้าวัยรุ่นมักมีปัญหาสิวด้วย
-
ระดับฮอร์โมนเพศ (อ่านเพิ่มเติมใน เรื่องของฮอร์โมนกับผิว)
- แอนโดนเจนเป็นฮอร์โมนเพศชายที่จะเริ่มหลั่งออกมาเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น โดยจะหลั่งทั้งในเพศชายและหญิง เป็นฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ส่งผลให้เมื่อเข้าวัยรุ่นผิวจะมันขึ้น รูขุมขนดูกว้างถ่างและเกิดสิวได้ง่าย
- โปรเจสเตอโรนเป็นฮอร์โมนในเพศหญิง ที่จะหลั่งออกมามากช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์ เป็นฮอร์โมนที่ส่งผลให้มีการบวมของรูขุมขน ทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น
-
ปัจจัยภายนอก คือปัจจัยที่เกิดจากพฤติกรรม การนอน การทานอาหาร การใช้เครื่องสำอาง ยาสภาพแวดล้อม ซึ่งสามารถป้องกันได้
- อาหาร (อ่านเพิ่มเติมใน 3 กลุ่มอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากเป็นสิว)
- ยาบางชนิด เช่น ยากันชักสเตียรอยด์ (ในรูปแบบการทา, กิน, ฉีด)
- เครื่องสำอาง เช่น รองพื้นครีมเนื้อหนักๆ ครีมใส่ผม น้ำมันหรือแว็กส์ใส่ผม
- ความเครียดจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
- นอนน้อยกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
การรักษาสิวทำอย่างไร?
- มาตรฐานในการรักษาสิวในปัจจุบันมีทั้งยาทาและยารับประทาน โดยจะใช้การทายาเป็นพื้นฐานในทุกๆเคส และเสริมยารับประทานในเคสที่มีความรุนแรงมากขึ้น
- คนไข้ต้องเข้าใจพื้นฐานการดูแลผิว หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิว
- นอกจากนี้เราสามารถเสริมการรักษาสิวด้วยการทำทรีทเม้นท์รักษาสิว การกดสิว การฉีดสิว การดีท็อกซ์ผิว การใช้เลเซอร์ การฉายแสงสีฟ้าเพื่อให้สิวหายเร็วขึ้น ลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการเป็นสิว (อ่านเพิ่มเติมใน Acne clear max)
- ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาสิวจะใช้เวลา 4 อาทิตย์ถึง 6 เดือนขึ้นกับความรุนแรง
- โดยแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ระยะเริ่มแรกที่เป็นสิว เพื่อให้การรักษาสิวมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความรุนแรงได้อย่างรวดเร็วและป้องกันผลข้างเคียงจากการเป็นสิวที่เป็นแล้วเป็นเลยเช่นหลุมสิว ที่ถึงแม้ว่าทำการรักษาโดยนวัตกรรมหลายชนิด ผลลัพธ์ก็จะไม่ 100% ดังนั้นถ้าเป็นสิว ต้องรีบหาย อย่าปล่อยยืดเยื้อ