ปลูกผม ราคา

ปลูกผม ราคาถูกหรือแพงมีวิธีคิดยังไง?

  ราคาค่าใช้จ่ายในการปลูกผมมีวิธีคำนวณได้แบบ ซึ่งทำให้บางคนสงสัยว่าทำไมการประเมินค่าใช้จ่ายผ่าตัดในแต่ละครั้งจึงไม่เท่ากันเลยถึงขนาดที่ว่าไปคลินิกซ้ำกันสองรอบก็ประเมินราคาไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกับศัลยกรรมความงามอื่นๆ ที่มีวิธีคิดแน่นอนตายตัวมากกว่า ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายปลูกผมมักมีราคาหลักหลายหมื่นถึงหลักแสนซึ่งไม่ใช่ราคาถูกเลย เราลองมาดูกันครับว่าวิธีการคำนวณค่าใช้จ่ายนั้นเป็นอย่างไรเพื่อที่จะได้ตัดสินว่าราคาที่เราจะไปปลูกผมนั้นเหมาะสมหรือไม่

  สำหรับผู้อ่านที่ยังไม่เข้าใจว่าการปลูกผมคืออะไร แนะนำให้เข้าไปอ่านที่บทความนี้ก่อนครับ ปลูกผมคืออะไร

ยาปลูกผม เซตละ 990-/เดือน
ยาทาปลูกผม ยาหยอดผม แชมพู

กราฟผม เส้นผม คือ อะไร

  ก่อนจะเริ่มประเมินค่าใช้จ่ายนั้น อันดับแรกทุกคนต้องทราบก่อนนะครับว่ากราฟผมคืออะไร หากเราลองสังเกตรูปถ่ายกำลังขยายสูงของเส้นผมแล้วจะเข้าใจครับว่าเส้นผมบนหนังศีรษะของเรานั้นไม่ได้เป็นแบบ 1 เส้นกระจายตัวเท่าๆ กันเต็มพื้นที่ แต่กลับมีลักษณะรวมตัวกันกระจุกเป็นกลุ่มหรือกอ คล้ายกับกอต้นหญ้าซึ่งแต่ละกออาจจะมีเส้นผม 1, 2, 3 หรือ 4-5 เส้นต่อกอ เจ้าตัวกอผมนี่แหละครับที่ทางการแพทย์เราจะเรียกว่า follicular unit หรือจะเรียกให้ง่ายเลยก็จะเรียกว่า hair graft ภาษาไทยเราก็เรียกทับศัพท์ว่ากราฟผมด้วยประการฉะนี้

  แล้วทำไมทุกคลินิกไม่คิดเป็นราคาตามจำนวนเส้นผมเลยละ คำตอบส่วนนึงก็มาจากในอดีตที่เทคนิคการปลูกผมยังไม่เจริญมาก การผ่าตัดสมัยนั้นจะวิธีคล้ายกับ FUE โดยใช้ใบมีดทรงกระบอกกลวงเจาะขนาดใหญ่มาก (2-4 มิลลิเมตร) เจาะหนังศีรษะและดึงผมจากด้านหลังแล้วย้ายมาปลูกด้านหน้า ซึ่งแต่ละชิ้นของหนังศีรษะจะเรียกว่ากราฟแล้วคำนวณค่าใช้จ่ายเป็นกราฟเรื่อยมา จนถึงในปัจจุบันที่เทคนิคการปลูกผมนั้นละเอียดขึ้นแต่ก็ยังนิยมคำนวณเป็นกราฟผมอยู่ดี คำตอบอีกส่วนก็คงเกิดจากระยะเวลาการผ่าตัดที่จะแปรตามจำนวนกราฟผมโดยตรงมากกว่า

กราฟผม เส้นผม กราฟผม

ประเมินพื้นที่ปลูกผม

  ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการปลูกผมคือการวัดขนาดพื้นที่ปลูกผม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบริเวณที่ทำการปลูกผมมักจะเป็นบริเวณด้านหน้าของศีรษะ โดยอันดับแรกแพทย์จะทำการวาดแนวผมขึ้นมาก่อน ทั้งนี้คนไข้กับแพทย์ต้องตกลงกันให้ได้แน่ชัดว่าจะเลือกแนวผมสูงต่ำแค่ไหน ต้องการรูปทรงอย่างไร จากนั้นแพทย์ก็จะทำการตีกรอบแล้ววัดพื้นที่ปลูกผมออกมา พื้นที่ที่ได้จะนำไปคำนวนเป็นตารางเซนติเมตร

  ดังนั้นประเด็นเรื่องความแตกต่างของราคาการปลูกผมก็อยู่ที่การประเมินพื้นที่ตรงแนวผมนั่นแหละครับ หากเราขยับแนวผมลงเพื่อให้ได้หน้าผากแคบลง 1 เซนติเมตรก็อาจทำให้พื้นที่เพิ่มขึ้นมาถึง 12-17 ตารางเซนติเมตรเลยทีเดียว ซึ่งหมายความว่าจะต้องใช้กราฟผมเพิ่มขึ้นอีก 450-800 กราฟ ในทางตรงกันข้ามหากเราขยับในแนวผมสูงขึ้นอีกหน่อยก็จะช่วยประหยัดจำนวนกราฟผมด้วยเช่นกัน

โดยหลักของการปลูกผม ควรให้แนวผมอยู่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้เนื่องจากเส้นผมที่สามารถนำมาปลูกได้ (ผมด้านข้างและด้านหลัง) มีจำนวนจำกัด ดังนั้นเราจึงต้องประหยัดกราฟผมให้มากที่สุดเพื่อว่าในอนาคตหากคนไข้ผมร่วงมากขึ้นก็จะยังมีเส้นผมสำรองนำมาปลูกได้อีก ประเด็นนี้มีผลต่อการเลือกเทคนิค FUT หรือ FUE อีกด้วย สามารถคลิกเข้าไปอ่านได้นะครับ

จำนวนกราฟผม

เมื่อเราได้พื้นที่ปลูกผมมาแล้วก็ให้นำมาคูณกับความหนาแน่นเส้นผมที่เราต้องการจะปลูก ตามสูตร “พื้นที่ x ความหนาแน่นผม=จำนวนกราฟผม” ประเด็นของเรื่องคือเราสมควรปลูกผมให้แน่นเท่าไรดี ตรงจุดนี้เราต้องมาดูครับว่าในวารสารทางการแพทย์นั้นระบุว่าเส้นผมคนปกติแน่นเท่าไร

กราฟผม
ความหนาแน่นเส้นผมด้านหลัง ในรูปขอบสีแดงมีพื้นที่ 0.25 ตารางเซนติเมตร

ผมขออ้างอิงเส้นผมของคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นะครับ จะมีข้อมูลอยู่ 2 ชุดดัวยกัน คือ

  1. Donor Site Assessment for Female Hairline Restoration in Southeast Asians เขียนโดย นพ.สิทธิชัย อีงประเสริฐ
  2. Naturally Occurring Hairlines in Orientals of Southeast and East Asian Origin and Their Application in Hair Restoration Surgery ใน ISHRS Hair Transplant forum 5/2016 เขียนโดย Dr. Tan Tyng Yuan
  3. Hair Characteristics of East and Southeast Asians เขียนโดย Dr. Dell Kristie Ortega-Castillejos

ข้อมูลระบุตรงกันว่า ในเพศชายและหญิงมีเส้นผมด้านหน้าเท่ากันกับด้านหลังอยู่ที่ 100-120 เส้น/ตร.ซม. โดยค่าเฉลี่ยจำนวนกราฟด้านหลังศีรษะมีจำนวน 60-65 กราฟ/ตร.ซม. ดังนั้นถ้าจะปลูกผมให้ผมหนาแน่นเท่าคนปกติก็ควรปลูกแน่นที่ 60-65 กราฟ/ตร.ซม. ด้วยเช่นเดียวกัน

แต่อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นว่าเส้นผมที่สามารถย้ายได้มีอยู่อย่างจำกัดจึงไม่ควรปลูกแน่นเต็มที่โดยเฉพาะในบุคคลที่มีพื้นที่ศีรษะล้านมากๆ หรือกรณีที่ต้องสำรองเส้นผมเก็บไว้เผื่ออนาคตผมอาจร่วงมากกว่าเดิมแล้วต้องกลับมาปลูกผมซ้ำ โดยทั่วไปการปลูกผมจะปลูกแน่นเพียงแค่ 60-80% ของค่าปกติก็เพียงพอที่จะดูขึ้นมากแล้ว ซึ่งก็คือ 35-50 กราฟ/ตร.ซม. นั่นเอง

สรุป ความหนาแน่นกราฟผมบริเวณด้านหน้าศีรษะควรปลูกแน่นประมาณ 35-50 กราฟ/ตร.ซม. ส่วนความหนาแน่นกราฟผมบริเวณขวัญจะปลูกแน่นน้อยกว่าด้านหน้าอยู่ที่ 25-35 กราฟ/ตร.ซม.

ยาปลูกผม เซตละ 990-/เดือน
ยาทาปลูกผม ยาหยอดผม แชมพู

ราคา ค่าใช้จ่ายปลูกผม

  ขั้นตอนนี้สามารถนำจำนวนกราฟผมที่คำนวนได้มาคูณกับราคากราฟ เช่น ราคากราฟละ 40 บาท ต้องปลูก 1200 กราฟ ราคาจะเท่ากับ 1200×40=48,000 บาท เป็นต้น

การประเมินค่าใช้จ่ายด้วยตนเองแบบง่ายๆ

กราฟผม เส้นผม ปลูกผม ราคา

วิธีประเมินค่าใช้จ่ายด้วยตนเองแบบง่ายๆ สามารถประเมินพื้นที่ได้ตามรูปนี้เลยครับ ทั้งนี้ถ้าพื้นที่มากก็จะใช้กราฟผมมากตามไปด้วย

  • หมายเลข 1 และ 2 รวมกันใช้จำนวน 1000-2000 กราฟ
  • หมายเลข 3 ใช้จำนวน 1000-1500 กราฟ
  • หมายเลข 4 ใช้จำนวน 1000 กราฟ
  • หมายเลข 5 ใช้จำนวน 1000-2000 กราฟ

แล้วนำจำนวนกราฟผมที่ได้ไปคูณกับราคากราฟก็จะได้ค่าใช้จ่ายโดยประมาณครับ

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาปลูกผม

ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดราคาปลูกผมจะมีดังต่อไปนี้

  • น้ำยาแช่กราฟ หากใช้น้ำเกลือธรรมดาราคาจะไม่ค่อยแพง แต่หากใช้น้ำยาแช่กราฟพิเศษราคาปลูกผมก็จะสูงขึ้น โดยทั่วไปน้ำยาแช่กราฟพิเศษมักจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าน้ำเกลือเล็กน้อย
  • Implanter หรือก็คือ เครื่องมือใส่กราฟผม ในปัจจุบันมีมากมายหลายแบบทั้ง sharp/dull implanter หรือจะเรียก DHI implantation ฯลฯ ซึ่งหลักการจะเหมือนกัน คือใช้เครื่องมือใส่กราฟผมแทนที่จะใช้คีบหนีบโดยตรง ซึ่งข้อดีจะทำให้ถนอมรากผมดีกว่า (ในกรณีผู้ใส่แบบคีบหนีบยังไม่มีประสบการณ์มากพอ) ทำให้ผมขึ้นได้ดีกว่า แต่ก็มีข้อเสียที่เพิ่มต้นทุนการปลูกผมมากกว่าด้วย
  • ประเภทของการผ่าตัด โดยทั่วไป FUE จะราคาแพงกว่า FUT (แต่ในอนาคตอาจจะสลับกัน) FUE แบบหุ่นยนต์ Robotic จะแพงกว่าแพทย์เป็นคนทำ
  • อ๊อฟชั่นเสริมอื่นๆ เช่น การทำเลเซอร์กระตุ้นผม การฉีด PRP การฉีดวิตามินกระตุ้นผม ซึ่งจะให้ผลดีขึ้นเล็กน้อย
  • ค่าสถานที่และค่าโฆษณา สำคัญมากและมักเป็นต้นทุนที่มากเสียด้วย